08 กรกฎาคม 2024
ไส้เลื่อน อาการเป็นอย่างไร? โรคไส้เลื่อน อันตรายไหม? สำหรับคนที่ยกของหนัก หรือ ออกกำลังกายหักโหม อาจก่อให้เกิดโรคไส้เลื่อนได้
ซึ่งโรคไส้เลื่อน (Hernia) มักออกมาในรูปแบบของอาการปวดบริเวณช่วงล่างหรือบริเวณอัณฑะ ทั้งนี้ไส้เลื่อนสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งทุกคน ทั้งเพศหญิงและเพศชาย แต่ส่วนใหญ่เพศชายจะมีเปอร์เซ็นต์ของการเกิดไส้เลื่อนมากกว่า
ในบทความนี้ ขอพาไปทำความรู้จักอาการโรคไส้เลื่อน ว่าโรคไส้เลื่อน อันตรายไหม พร้อมบอกสาเหตุและวิธีป้องกันที่ถูกต้อง
ไส้เลื่อน อาการเกิดจากการยื่นของอวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ลำไส้ ผ่านจุดอ่อนแอในกล้ามเนื้อ โดย 75 เปอร์เซ็นต์ ของไส้เลื่อนจะเกิดที่บริเวณขาหนีบ ซึ่งสามารถยื่นเข้าออกได้
แต่บางกรณีอาจทำให้ลำไส้เกิดอุดตันและขาดเลือด ซึ่งไส้เลื่อนนั้นมักเกิดในเพศชาย โดยมักพบก้อนนูนที่ขาหนีบหรือหัวหน่าว และบางครั้งลงไปในถุงอัณฑะด้วย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกปวดหน่วง ทั้งนี้ อาการไส้เลื่อนในเพศหญิงมักจะเกิดที่ขาหนีบเช่นกัน โดยกลุ่มผู้ที่มีโอกาสเป็นไส้เลื่อนมีสองกลุ่มหลัก ๆ คือ
ไส้เลื่อนลงไข่ หรือที่เรารู้จักกันดี คือ ไส้เลื่อนขาหนีบ พบมากในผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป เริ่มต้นด้วยการมีก้อนที่ขาหนีบและอาการจุก ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับชีวิตประจำวัน
ซึ่งหากปล่อยไว้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและไหลลงอัณฑะ ทำให้ต้องดันกลับด้วยมือ ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ หลายคนใช้กางเกงในพิเศษช่วยพยุงไส้เลื่อน แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
พบได้น้อยและมักพบในผู้หญิง สาเหตุเกิดจากผนังช่อง Femoral Canal อ่อนแอแต่กำเนิด หรือ เกิดความผิดปกติภายหลัง ปัจจัยเสี่ยงคือความดันในช่องท้องเพิ่ม อาการ คือ มีก้อนใต้ขาหนีบ ปวดบริเวณต้นขา และอาจปวดที่ขาหนีบร่วมด้วย
เกิดขึ้นกับผู้ที่เคยผ่าตัดภายในช่องท้อง โดยสามารถเกิดขึ้นในทุกเพศทุกวัย เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแอหรือหย่อนยาน ทำให้ลำไส้หรืออวัยวะอื่นดันตัวขึ้นมา สาเหตุอาจเกิดระหว่างที่แผลผ่าตัดยังไม่หายสนิท
มักเกิดขึ้นที่บริเวณสะดือ ส่วนใหญ่พบในทารกแรกเกิดและผู้หญิงตั้งครรภ์หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้น
เป็นไส้เลื่อนอีกชนิดหนึ่งที่พบได้น้อยมากแต่มีความรุนแรงสูง เนื่องจากมักทำให้ผู้ป่วยมีภาวะลำไส้อุดตัน คือ ไส้เลื่อนสะโพก (Obturator Hernia) การวินิจฉัยจากการตรวจร่างกายทำได้ยาก
เกิดจากส่วนหนึ่งของกระเพาะอาหารเลื่อนขึ้นไปในช่องอกผ่านทางช่องกระบังลม
เป็นภาวะที่ลำไส้หรือเนื้อเยื่อภายในช่องท้องเลื่อนผ่านผนังช่องท้องที่อ่อนแอหรือมีช่องเปิด เกิดเป็นก้อนนูนออกมาที่บริเวณหน้าท้อง
การรักษาไส้เลื่อนมักทำโดยการผ่าตัดเพื่อนำไส้เลื่อนกลับเข้าสู่ตำแหน่งปกติ โดยเฉพาะในกรณีไส้เลื่อนติดค้างที่ควรได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน แพทย์จะดันไส้เลื่อนกลับเข้าไปก่อนการผ่าตัดเพื่อปิดช่องทางไม่ให้เกิดไส้เลื่อนซ้ำอีก
ปัจจุบันสามารถทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องได้ ซึ่งใช้เครื่องมือเฉพาะเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง วิธีนี้ให้ผลการรักษาดีเทียบเท่ากับการผ่าตัดแบบเปิด แต่มีแผลขนาดเล็กกว่า ฟื้นตัวได้เร็วกว่า เสียเลือดน้อย และลดระยะเวลาพักฟื้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
หากมีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์จะเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้องให้เพิ่มมากขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องลดน้ำหนักให้น้อยลง และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
หากจำเป็นต้องยกของหนัก ควรใช้ท่าทางที่ถูกต้อง โดยการงอเข่าและใช้กล้ามเนื้อขาแทนการใช้กล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง
รักษาการขับถ่ายให้เป็นปกติ โดยการกินอาหารที่มีเส้นใยสูง และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
การสูบบุหรี่สามารถทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไส้เลื่อน
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรงได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงดันในช่องท้องสูง
หากมีอาการไอเรื้อรัง หรือ จาม ควรได้รับการรักษา เพื่อลดการเบ่งและการยืดท้องบ่อย ๆ
ควรรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เพื่อป้องกันอาการท้องผูกและลดแรงดันในช่องท้องขณะขับถ่าย
สามารถปรึกษาเรื่องทางเพศ รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับเพศได้อย่างสบายใจในทุก ๆ แง่มุม ไม่ต้องเปิดเผยชื่อ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน สามารถรับคำปรึกษาได้ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk to PEACH: https://oci.ltd/FiPv8we
อ้างอิง:
ปัญหาเพศชาย
สุขภาพเพศทางกาย