23 พฤษภาคม 2024
โรคหูดข้าวสุก เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางผิวหนังที่ยังคงพบได้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แม้จะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น แต่โรคนี้กลับยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรง หรือจากการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ร่วมกันที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
ในบทความนี้ Talk To PEACH อยากพาทุกคนมาทำความรู้จักหูดข้าวสุก รักษาอย่างไร มีวิธีป้องกันแบบไหน ติดตามที่บทความนี้กัน
โรคหูดข้าวสุก (Molluscum Contagiosum) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสมอลลัสคุม คอนทาจิโอซุม (Molluscum contagiosum)ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านทางผิวหนัง โรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักพบมากในเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เชื้อไวรัสมอลลัสคุม คอนทาจิโอซุม (Molluscum contagiosum) เป็นสาเหตุหลักของโรคหูดข้าวสุก ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ดังนี้
อาการของโรคหูดข้าวสุกมักจะเริ่มจากมีจุดสีแดงบนผิวหนัง หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน จุดสีแดงจะกลายเป็นตุ่มนูนสีชมพูหรือสีขาว มีลักษณะคล้ายเม็ดสิว แต่ไม่มีการอักเสบหรือมีหนอง หากบีบตุ่มออกมาจะพบว่ามีสารสีขาวข้นคล้ายเม็ดข้าวสุกอยู่ภายใน ตุ่มเหล่านี้ไม่คันหรือเจ็บปวด และสามารถเกิดได้ที่ใดก็ได้บนร่างกาย แต่มักพบที่ใบหน้า คอ หน้าอก แขนขา และบริเวณรักแร้
ระยะเวลาการติดเชื้อ โดยปกติหูดข้าวสุกจะหายไปเองภายใน 6-12 เดือน แต่ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หูดอาจไม่หายเป็นเวลานาน และอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้
หูดข้าวสุก ถือว่าเป็นโรคที่ไม่ได้อันตรายมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคหูดข้าวสุกอาจมีอาการรุนแรง และระยะเวลาในการติดเชื้อนานขึ้น ดังนั้นก็ควรช่วยกันระวังและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคนี้
ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ โรคหูดข้าวสุกมักจะหายเองได้ โดยไม่ต้องรับการรักษา แต่หากต้องการกำจัดตุ่มด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น ความรำคาญจากตุ่ม หรือป้องกันการแพร่กระจาย สามารถรักษาโดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
การเลือกใช้วิธีรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยจะพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น อายุของผู้ป่วย บริเวณและจำนวนตุ่มหูด เป็นต้น ผลข้างเคียงจากการรักษาอาจมีได้ เช่น เจ็บปวด ผิวสีผิดปกติ หรือเกิดรอยแผลเป็น
ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการรักษาเสมอ และหากเป็นตุ่มหูดบริเวณอวัยวะเพศ ควรได้รับการรักษาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอน การดูแลรักษาตัวเองด้วยความสะอาด การรักษาพยาบาล และการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
สามารถปรึกษาเรื่องทางเพศ รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับเพศได้อย่างสบายใจในทุก ๆ แง่มุม ไม่ต้องเปิดเผยชื่อ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน สามารถรับคำปรึกษาได้ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk to PEACH: https://oci.ltd/umlVIls
สุขภาพทั่วไป
สุขภาพเพศทางกาย
โรคติดต่อ