09 ตุลาคม 2023
สำหรับเชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ทั่วโลกต่างเฝ้าระวังกันและค้นหาวิธียับยั้งและรักษาเสมอมา ซึ่งในปัจจุบันมียาต้าน HIV หลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมใช้กันจะมียาเพร็พ (PrEP) และ ยาเป๊ป (PEP) เป็นยาต้าน HIV แล้วยาสองชนิดนี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และวิธีการป้องกันเชื้อเอชไอวี (HIV) มีอะไรบ้างนั้น เราไปศึกษากันได้เลย
เป็นยาที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ยาต้าน HIV ก่อนสัมผัสเชื้อเอชไอวี (HIV) (หรือที่เรียกกันว่า ยา PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis) และยาต้าน HIV หลังสัมผัสเชื้อเอชไอวี (HIV) (หรือที่เรียกว่า ยา PEP Post-Exposure Prophylaxis) เป็นยารับประทานเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จะออกฤทธิ์ยับยั้งและต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี (HIV) เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว
โดยทั่วไปแล้วยา ต้าน HIV มี 2 แบบคือ
โดยยา 2 ตัวนี้มีข้อแตกต่าง และผลข้างเคียงกัน แบ่งได้ดังนี้
สำหรับยาเพร็พ (PrEp) เป็นยาที่ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ซึ่งจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่อง อย่างน้อย 7 วันก่อนจะคาดการณ์ว่าอาจจะได้รับความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ การรับยานำไปรับประทานจำเป็นต้องเข้าพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อให้ได้การรับยาที่ถูกต้อง
และ ยาเพร็พ (PrEp) มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย แต่อาจจะเกิดได้ในลักษณะต่าง ๆ ได้ ดังนี้
ยาเป๊ป (PEP) เป็นตัวยาที่ต้านไวรัส HIV สำหรับคนที่สัมผัสหรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ต้องกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังได้รับความเสี่ยง โดยจำเป็นต้องกินยาติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ การรับยานำไปรับประทานจำเป็นต้องเข้าพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้ได้การรับยาที่เหมาะสมและถูกต้อง และ ยาเป๊ป (PEP) มีผลข้างเคียงอาจจะเกิดได้ในลักษณะต่าง ๆ ได้ ดังนี้
การเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยทันทีที่ทราบว่ามีความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวี ด้วยวิธีการรับยาต้าน จะช่วยให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยหรือมีโรคแทรกซ้อน แต่หาก ทั้งนี้ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูงควรตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) อย่างสม่ำเสมอ เมื่อทราบผลแล้วสามารถเริ่มรับการรักษาและป้องกันการแพร่เชื้อต่อไปได้อย่างทันท่วงที
ควรสวมถุงยางอนามัยในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันตัวเองตนเองจากการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาหรือเข็มที่มีเลือดร่วมกับผู้อื่น รวมถึงของมีคมที่อาจทำให้ติดเชื้อได้
สามารถพูดคุยได้ทั้งผ่านวิดีโอคอล และแชทถาม-ตอบผ่านแอป Talk to PEACH หรือ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk To PEACH: https://bit.ly/46d7LZq
อ้างอิง
ปัญหา LGBTQ+
ปัญหาเพศชาย
ปัญหาเพศหญิง
สุขภาพเพศทางกาย