16 ตุลาคม 2024
ปัจจุบันการสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะโลกของเราถูกย่อลงให้ใกล้กันแค่เพียงปลายนิ้ว โอกาสที่จะเจอกับคนถูกใจ คุยถูกคอ ก็มีมากขึ้น การเปลี่ยนสถานะกลายเป็น “คนคุย” ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
.
แต่ทั้ง ๆ ที่หัวใจกำลังพองโต อยู่ ๆ เขาคนนั้นกลับหายไป อาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณว่า เรากำลังถูก Ghosting แล้วล่ะ
.
แล้ว Ghosting แปลว่าอะไร และควรรับมืออย่างไรเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้
Ghosting แปลว่า การยุติการสื่อสารกับใครบางคนอย่างกะทันหันโดยไม่มีสาเหตุ แม้จะใช้อธิบายความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานด้วยก็ได้
.
แต่ปัจจุบัน Ghosting Relationship คือ คำนิยามที่มักใช้กับสถานะคนคุยที่จู่ ๆ ก็หายไปจากความสัมพันธ์ ทั้งที่ทุกอย่างกำลังเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี
.
คนที่ถูก Ghosting อาจตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่รู้สึกเฉยชาไปจนถึงความรู้สึกเจ็บปวด เหมือนถูกทรยศหักหลัง
.
ส่วนบางคนมีความเชื่อว่าพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้ผู้คนทำความรู้จักกันได้ สะดวก รวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็หายตัวไปจากความสัมพันธ์ได้ง่ายเช่นกัน
สำหรับคนที่คุยกันทุกวันจนรู้สึกว่า ความสัมพันธ์กำลังเป็นไปด้วยดี หากอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนไปพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ จะปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ เปรียบได้กับความสัมพันธ์ที่เริ่มมี Red Flag สัญญาณเตือนบางอย่างก่อนคนคุยหายไป อาจสังเกตได้ ดังนี้
.
.
แน่นอนว่า หากเราพยายามติดต่อหาเขาซ้ำ ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับไม่ว่าจะช่องทางไหน นั่นอาจหมายความว่าเราถูก Ghosting แปลว่า คนคุยคนนี้กำลังหายไปจากความสัมพันธ์แล้วนั่นเอง
Ghosting คือ การหายตัวไปจากความสัมพันธ์แบบกะทันหัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในปัจจุบัน โดยพฤติกรรมเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นการยุติความสัมพันธ์แบบไม่มีวุฒิภาวะ ซึ่งเป็นการบังคับยุติความสัมพันธ์ฝ่ายเดียว และอาจทิ้งบาดแผลทางใจให้อีกฝ่ายไว้ไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากทำพฤติกรรมนี้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้
.
การหายตัวไปจากความสัมพันธ์ เป็นวิธีที่ง่ายกว่าการบอกเลิกรากันซึ่งหน้า เพราะการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลอาจทำให้เกิดความอึดอัดใจระหว่างการสนทนา ทำให้เกิดความไม่สบายใจ รวมถึงเกิดคำถามตามมากอีกมากมายว่า ทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงต้องการยุติความสัมพันธ์
.
คนที่ Ghosting คนอื่นมักต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านี้ พวกเขาไม่ต้องการจัดการหรือรับผิดชอบความเจ็บปวดของคนอื่น จึงเลือกยุติการสื่อสารทั้งหมดและหายตัวไป
.
ปัจจุบันเราเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการทำความรู้จักกันผ่านโซเชียลมีเดียไปจนถึงแอปฯ หาคู่ แถมยังมีตัวเลือกมากหน้าหลายตามาให้เลือกคุย คนบางกลุ่มจึงมีแนวคิดว่า คุยไปก่อน ถ้าไม่ใช่ก็แค่หาคนคุยใหม่ไปเรื่อย ๆ แม้บางคนจะดีพอและได้ดั่งใจแล้ว แต่ก็มักเกิดการเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ แบบไม่สิ้นสุด
แนะนำว่า ขึ้นอยู่กับความสะดวกใจของแต่ละคน หากเป็นคนที่เพิ่งเริ่มคุยได้ไม่นาน ไม่รู้สึกต้องการมีปฏิสัมพันธ์ด้วยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทักไปพูดคุยหรือหาคำตอบ
.
แต่หากอยากลองหาคำตอบหรือเคลียร์ใจกัน แนะนำว่าให้ลองทักไปพูดคุยถึงเรื่องราวดี ๆ สักครั้งสองครั้ง แต่ไม่ควรเป็นข้อความที่กดดัน ทวงถาม หรือ บังคับอีกฝ่าย แล้วลองดูปฏิกิริยาว่า อีกฝ่ายเป็นอย่างไร และเรายังสะดวกใจจะคุยกันต่อหรือไม่
.
แต่หากอีกฝ่ายยังคุย ๆ หาย ๆ และเริ่ม Ghosting เหมือนเดิม ก็เป็นสัญญาณที่เรามั่นใจได้แล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะไม่อยากเป็นคนคุยหรือสานสัมพันธ์กับเราต่ออีกต่อไป
.
แต่ในกรณีที่เป็นความสัมพันธ์ที่เป็นคนคุยกันมานานแล้ว นานเป็นเดือน หลายเดือน หรือ เป็นปี การส่งข้อความเพื่อสอบถามเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาก็อาจจะดีกว่า และทำให้เราสามารถกลับมาจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ง่ายขึ้นด้วย
การถูก Ghosting แปลว่า เราถูกหลอกหรือถูกทำให้รู้สึกสับสน เพราะตัวเรานั้นไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จบไปแล้ว หรือ คนคุยหายไปด้วยเหตุผลอื่น
.
บางครั้งเราอาจกังวลไปถึงเรื่องความปลอดภัยของอีกฝ่าย รวมถึงเมื่อเวลาผ่านไป ความจริงก็ยิ่งตอกย้ำว่าความสัมพันธ์นี้ได้จบลงแล้ว และอาจทำให้เราเริ่มคิดแง่ลบกับตัวเองว่า เราทำอะไรผิด เราพลาดตรงไหน ไปจนถึงการตำหนิตัวเองในเรื่องอื่น ๆ เช่น ลักษณะภายนอก อีกด้วย
การถูก Ghosting คือ การถูกทำร้ายทางความรู้สึกอย่างรุนแรงสำหรับบางคน โดยอาจมีรู้สึกเศร้า รู้สึกเหมือนถูกลดทอนคุณค่า และอาจเกิดความคิดแง่ลบกับตัวเองหรือโทษตัวเองว่า ไม่ดีพอจนคนคุยหายไปแบบไม่บอกกล่าวและไม่อธิบายอะไรเลยด้วยซ้ำ
.
สำหรับวิธีรับมือกับสถานการ์เหล่านี้ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การสร้างพลังบวกและเรียกความมั่นใจกลับคืนมา
.
อาจเริ่มด้วยการยอมรับความจริงและพร้อมเผชิญหน้า ด้วยการส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายว่า “เราไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้ว และไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราขอไม่รออีกต่อไปแล้ว ขอให้โชคดีนะ” การส่งข้อความเหล่านี้ไม่ได้เป็นการทำเพื่อคนที่ Ghosting เรา แต่เป็นการยอมรับความจริง และบอกตัวเองว่าเราพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า พร้อมสำหรับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ๆ และเราไม่ต้องการจมอยู่กับความรู้สึกแย่อีกต่อไป
.
และอีกสิ่งที่สำคัญ คือ การบอกตัวเองเสมอว่าไม่มีใครทำให้คุณค่าของเราลดลงได้ เรามีคุณค่าเสมอ การที่เรารู้สึกเจ็บปวดนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องฝืนความรู้สึก หากกำลังเศร้าหรือรู้สึกผิดหวังจากการที่คนคุยหายไป ก็ให้เวลาตัวเองยอมรับความรู้สึกนี้ไปก่อน
.
และลองใช้เวลาเยียวยาความรู้สึกระหว่างที่เราเริ่มกลับมารักและใส่ใจตัวเองมากขึ้น อย่าง การออกไปเจอเพื่อนหรือครอบครัว กินอาหารอร่อย ๆ ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก หรือ การดูแลตัวเองด้านต่าง ๆ
.
แต่หากรู้สึกว่า ต้องการพูดคุย ระบายให้ใครสักคนรับฟัง หรือ ขอคำปรึกษา การเข้ารับคำปรึกษากับนักเพศวิทยา ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
ในบางครั้งเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ คนที่เคย Ghosting เรา อาจกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ส่งข้อความมาหา หรือ โทรศัพท์มา โดยเราสามารถตั้งอ่านหรือตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อสารมาได้ แต่เราต้องตั้งสติและคิดอยู่เสมอว่า สิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
.
ส่วนการให้อีกฝ่ายกลับมาคุยกันอีกครั้ง หรือ เราจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน ซึ่งหากเราจะให้อภัยกับการกระทำของคนที่ Ghosting เรา แนะนำว่า การมูฟออนอาจเป็นคำตอบที่ดีกว่าการกลับมาสานสัมพันธ์กับคนที่เคยหายไป
.
การทำความเข้าใจว่า Ghosting แปลว่าอะไร มีสัญญาณเตือนแบบไหน และควรรับมืออย่างไรจะทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรับมืออย่างมีสติได้มากกว่า อย่างไรก็ตามหากใครกำลังเจอสถานการณ์เหล่านี้สิ่งสำคัญคือต้องรักตัวเองและคิดถึงคุณค่าในตัวของเราก่อนเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ก้าวผ่านอารมณ์ด้านลบต่าง ๆ ไปได้อย่างแน่นอน
สามารถปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ได้อย่างสบายใจในทุก ๆ แง่มุม ไม่ต้องเปิดเผยชื่อ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน สามารถรับคำปรึกษาได้ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk to PEACH: https://oci.ltd/fGvYGhr
อ้างอิง:
ความสัมพันธ์