อยู่ต่อเพราะสงสารหรือรักจริง? เมื่ออยากเลิกกับแฟนแต่ไม่กล้าตัดสินใจ

อยู่ต่อเพราะสงสารหรือรักจริง? เมื่ออยากเลิกกับแฟนแต่ไม่กล้าตัดสินใจ

03 กุมภาพันธ์ 2025

Share on

การคบกันของคนสองคนอาจพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป แต่สำหรับบางคู่เมื่อเรียนรู้กันและกันแล้วพบว่าไปต่อไม่ได้ ความต้องการ หรือไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน การบอกเลิกอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอิสระ และมีโอกาสได้พบความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ในอนาคต

.

แต่หากเราอยากเลิกกับแฟนแต่ต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดจนไม่กล้าบอกเขาล่ะ ควรทำอย่างไร? เราคบกับเขาต่อเพราะสงสารหรือยังรักกันจริง? มาหาคำตอบเพื่อจัดการกับความสัมพันธ์ครั้งนี้กันดีกว่า

ความเชื่อที่ว่า ‘การอยู่ต่อดีกว่าทำร้ายเขา’ กับผลกระทบทางกายและใจ

การเลิกราเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลภายนอกอย่างการอยู่ห่างกัน การเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ หรือบางคนอาจจะเลิกกับแฟนที่คบมานาน เพราะความต้องการไม่ตรงกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การสิ้นสุดความสัมพันธ์มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ

.

แต่บางคนอาจมีความเชื่อว่าทนอยู่ต่อไปดีกว่าต้องทำร้ายความรู้สึกของคนที่คบกันมานาน หรือกลัวอีกฝ่ายจะเสียใจที่ถูกบอกเลิก ซึ่งจริง ๆ แล้วการคิดแบบนี้มีส่วนทำร้ายสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทั้งสองฝ่าย เพราะเมื่อเกิดความรู้สึกอยากเลิกกับแฟนขึ้นมาเมื่อไร นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้กำลังมีปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

หากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางกายซึ่งเกิดจากความต้องการเรื่องบนเตียงไม่ตรงกัน หากสามารถพูดคุย ปรับเข้าหากันได้ ก็อาจช่วยแก้ไขให้ความสัมพันธ์กลับมาราบรื่นและมีความสุขขึ้น แต่หากไม่กล้าเปิดใจคุย หรือคุยกันแล้วพบว่าความต้องการของทั้งคู่แตกต่างกัน การอยู่ต่อเพราะไม่กล้าบอกเลิกจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวอย่างแน่นอน

.

ส่วนปัญหาด้านไลฟ์สไตล์ ความคิด ความเชื่อ ก็ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจเช่นกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเป็นเพื่อนคู่คิด ไม่สามารถพูดคุยกันให้เข้าใจได้ การตกลงกันเพื่อแยกทางอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าทนอยู่และทำร้ายความรู้สึกกันในอนาคต

ปัจจัยที่ทำให้ยังอยู่ต่อ ทั้งที่อยากเลิก

การเลิกกันอาจจะฟังดูง่าย แต่จริง ๆ แล้วเมื่อเกิดความรู้สึกอยากเลิกกับแฟนขึ้นมา กระบวนการคิดและตัดสินใจก่อนนำไปสู่การบอกเลิกนั้นซับซ้อนและยากกว่าที่คิด มีหลายปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจอยู่ต่อทั้งที่อยากเลิก เช่น

1. ความรู้สึกผิด

ความรู้สึกผิดคือปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ทำให้หลายคนไม่กล้าบอกเลิก ยิ่งคนที่อยากเลิกกับแฟน แต่แฟนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เป็นเราเองที่รู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไม่ใช่ ความรู้สึกผิดนี่แหละคือตัวการสำคัญที่ทำให้ต้อง “ทนอยู่” ซึ่งอาจเป็นการทำร้ายทั้งสองฝ่าย

2. รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเหตุผล

บางครั้งเมื่ออยากเลิกกันขึ้นมา คนเราจะคิดถึงสาเหตุต่าง ๆ นานาว่าทำไมเราถึงอยากเลิกกับแฟน บางคนไม่ได้เลิกรัก แค่ไม่มีอารมณ์! เมื่อเหตุผลที่อยากเลิกเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง อาจนำไปสู่ความคิดที่ว่าสาเหตุของการเลิกราดูไม่สมเหตุสมผล จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่าเราเป็นคนหมกมุ่นมากเกินไปมากกว่าจะใส่ใจเรื่องความรู้สึก ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วในการคบกัน ความสัมพันธ์ทางกายคือเรื่องสำคัญมาก หากพูดคุยกันแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ การบอกเลิกเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เจอคนที่ความต้องการตรงกันจะนำไปสู่ความสุขในความสัมพันธ์มากกว่าทนอยู่ต่อไป

3. กลัวเหงา กลัวการอยู่คนเดียว

ปัจจัยนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในคู่รักที่คบกันมานาน เมื่ออยากบอกเลิกอาจเกิดความรู้สึกกลัวเหงา กลัวการอยู่คนเดียว เพราะคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับใครสักคนมานานจนกังวลเมื่อต้องกลับมาโสดอีกครั้ง

4. ความผูกพัน

การคบกันของคนสองคนทำให้เกิดความผูกพันขึ้นมาเสมอ เมื่อต้องตัดสินใจเลิกรา ความผูกพันอาจกลายเป็นข้อผูกมัดที่ทำให้เราไม่กล้าเดินออกจากความสัมพันธ์ครั้งนี้

5. การสนับสนุนทางการเงินหรือการใช้ชีวิต

นอกจากเรื่องของความรู้สึกแล้ว อีกปัจจัยที่ทำให้หลายคนไม่กล้าบอกเลิกกับแฟนก็คือกลัวขาดการสนับสนุนทางการเงินหรือการใช้ชีวิตด้านต่าง ๆ ยิ่งคู่รักที่คบกันมานาน มีการช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวัน ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจบอกเลิกยากขึ้น

วิธีรับมือกับความรู้สึก ‘อยากเลิกแต่สงสาร’

หากเราอยากเลิกกับแฟน แต่สงสาร กลัวทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย ควรทำอย่างไร? จริง ๆ แล้วต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บางครั้งการเลิกราก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้สึกอยากเลิกขณะที่อีกฝ่ายอยากคบกันต่อ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพูดคุยกันให้เข้าใจมากที่สุดเมื่อต้องยุติความสัมพันธ์ โดยเราสามารถรับมือกับความสงสารที่เกิดขึ้นเมื่อต้องการบอกเลิกกับแฟนได้ ดังนี้

1. ทำความเข้าใจว่าการเลิกราคือเรื่องธรรมชาติ

เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึก ความคิดเห็น หรือมุมมองในความสัมพันธ์ของคนสองคนอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ดังนั้นการเลิกราจึงเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดหรือผิดบาป

2. การแยกย้ายดีกว่าทนอยู่จนทำร้ายกัน

หากเราเป็นฝ่ายอยากเลิกเพราะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไม่ใช่หรือมีบางอย่างเปลี่ยนไปจนรู้สึกไม่มีความสุข การบอกเลิกดีกว่าทนอยู่เสมอ เพราะหากทนอยู่ต่อไปความอดทนอดกลั้นที่มีต่อคนรักอาจลดลง นำไปสู่การทะเลาะ ทำร้ายความรู้สึก และทำให้ความสัมพันธ์ Toxic ขึ้นจนทำร้ายกันมากกว่าเดิม

3. ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองดีที่สุด

ลองสำรวจความคิด ความรู้สึก และเหตุผลที่ตัวเองอยากเลิกกับแฟนอย่างจริงจังอีกครั้ง หากได้ข้อสรุปว่าเราอยากจบความสัมพันธ์ ก็ควรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง และการพูดคุยกันตรง ๆ ยังเป็นการซื่อสัตย์ต่อแฟนของเรามากกว่าทนอยู่ต่อเพราะสงสาร

.

ความรู้สึกอยากเลิกกับแฟนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะคบกันมานานแค่ไหน แต่หลายคนอาจบอกเลิกไม่สำเร็จเพราะความสงสาร ความรู้สึกผิด หรือความผูกพัน หากคบกันต่อแล้วสามารถพูดคุย ปรับเปลี่ยนจนความสัมพันธ์ดีขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่สามารถเปลี่ยนได้ การทนอยู่อาจเป็นการทำร้ายทั้งสองฝ่ายมากกว่า

.

เพราะฉะนั้นลองพิจารณาความรู้สึกของตัวเองให้ดีว่าการคบกันต่อเป็นเพราะรักกันจริงหรือเพราะสงสารกันแน่ แล้วจึงพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล ตัดสินใจให้แน่วแน่ จะดีต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่าแน่นอน

อยากเลิกกับแฟนแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร Talk to PEACH ช่วยคุณได้

การตัดสินใจเลิกกับคนรักไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไร หรือกลัวว่าจะทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ในบางครั้ง การจบความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมา อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคู่ เพื่อเปิดโอกาสให้คุณและคนรักได้ก้าวต่อไป

แต่ถ้าหากคุณยังรู้สึกสับสน ไม่มั่นใจในคำพูด หรือไม่แน่ใจว่าควรจัดการสถานการณ์นี้อย่างไร Talk to PEACH ก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำด้านความสัมพันธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ความสัมพันธ์ของคุณและคนรัก 

.
เพราะทุกความสัมพันธ์ที่จบลงไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความเสียใจ มาเริ่มต้นพูดคุยในแบบที่คุณสบายใจที่สุด กับทีมนักเพศวิทยามืออาชีพของ Talk to Peach ได้ที่ https://hny.link/73m9AJN

ความสัมพันธ์