รวม 10 คำถามเรื่องเพศ ที่ถูกถามในแอปฯ Talk to PEACH มากที่สุดประจำสัปดาห์ ที่ 21 ก.ค. – 6 ส.ค. 66

รวม 10 คำถามเรื่องเพศ ที่ถูกถามในแอปฯ Talk to PEACH มากที่สุดประจำสัปดาห์ ที่ 21 ก.ค. – 6 ส.ค. 66

09 สิงหาคม 2023

Share on
  1. มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในแล้วมีตกขาวเยอะ ปกติมั้ย ควรทำอย่างไร

คำตอบ ก่อนอื่นควรมีการสังเกตสีตกขาวของตนเองก่อน หากตกขาวมีลักษณะเหนียว สีขาวขุ่น หรือออกสีเหลืองอ่อน โดยที่ไม่มีอาการคันหรือเจ็บช่องคลอด และตกขาวไม่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ตกขาวดังกล่าวถือเป็นตกขาวที่เป็นปกติ ซึ่งหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจมีออกมาเยอะได้ เนื่องจากปนออกมากับน้ำหล่อลื่นทั้งจากช่องคลอดและจากน้ำของฝ่ายชาย

แต่หากมีสีผิดปกติ เช่น สีเหลืองเข้ม สีเขียว หรือมีลักษณะเหมือนนมบูด มีอาการคัน กลิ่นเหม็นผิดปกติแนะนำว่าควรไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจภายในหาสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้อง

  1. น้ำหล่อลื่นมีอสุจิหรือไม่

คำตอบ โดยปกติน้ำหล่อลื่นจะไม่มีตัวอสุจิอยู่ ยกเว้นในกรณีที่มีการหลั่งน้ำอสุจิไปก่อนหน้า อาจมีอสุจิค้างอยู่ในท่อปัสสาวะได้และอาจออกมาพร้อมกับน้ำหล่อลื่น และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยที่พบว่าในน้ำหล่อลื่นก็มีโอกาสมีอสุจิได้ แต่ก็ถือว่าน้อย ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  1. ถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์แต่ยังไม่มีการหลั่ง มีโอกาสท้องหรือไม่

คำตอบ หากตอนที่ถุงยางอนามัยแตก ยังไม่ได้มีการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้น และได้มีการดึงอวัยวะเพศชายออกมาก่อนที่จะมีการหลั่ง โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นถือว่ามีน้อย แต่อย่างไรก็ตามการสัมผัสกันภายในนั้นมีโอกาสที่อสุจิจะเข้าไปได้ หากกังวลแนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย และมีการ Double Protect คือมีการใช้ถุงยางและคุมกำเนิดรูปแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทาน ฉีด หรือฝังยาคุม

  1. กินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 2 วัน ยาคุมฉุกเฉินยังมีประสิทธิภาพหรือไม่

คำตอบ การทานยาคุมหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 2 วันยังสามารถทานได้ โดยหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มทานยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด แต่หากเริ่มกินยาในช่วงที่ไข่ตกไปแล้ว อาจไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น แนะนำให้ทานยาคุมแบบรายเดือนและมีการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย จะสามารถคุมกำเนิดได้ดีกว่า

  1. ประจำเดือนล่าช้าหลังจากรอบเดือนปกติ 7 วัน มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์หรือไม่ ควรตรวจครรภ์เมื่อไหร่

คำตอบ การที่ประจำเดือนขาดหรือล่าช้าอาจไม่ใช่การท้องเสมอไป อาจเกิดจากการทำงานของฮอร์โมนผิดปกติ ความเครียด ความวิตกกังวล การพักผ่อนน้อย การทานอาหารไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตามในการตั้งครรภ์ระยะแรก ๆ ระดับฮอร์โมนในการตั้งครรภ์อาจอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้ผลตรวจการตั้งครรภ์ออกมาเป็นลบหรืออาจขึ้นเป็นขีดจาง ๆ ได้ วิธีที่ดีควรจะตรวจปัสสาวะทันทีที่ตื่นนอนตอนเช้า เนื่องจากระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ในปัสสาวะจะสูงมาก หากกังวลแนะนำให้ตรวจอีกครั้งหลังจากการตรวจครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์

  1. การทานยาคุมทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่

คำตอบ การทานยาเม็ดคุมกําเนิด พบว่า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม แต่มีโอกาสน้อย โดยความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในผู้ที่เริ่มใช้ตั้งแต่วัยรุ่น แต่พบว่าความเสี่ยงจะลดลงเรื่อยๆ หลังหยุดกิน จนเท่าคนปกติเมื่อหยุดกินเกิน 10 ปี

ดังนั้น ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกําเนิดอยู่ ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบก้อนเนื้อหรือถุงน้ำ ควรปรึกษาแพทย์ หากเป็นถุงน้ำหรือเนื้องอกธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็งก็ยังสามารถใช้ยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำได้ ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ

แม้ว่าจะเสี่ยงมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ช่วยป้องกันมะเร็งรังไข่กับมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ดีมาก ๆ

  1. ตกขาวเปลี่ยนสีและมีอาการคันช่องคลอด เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

คำตอบ ตกขาวสีเขียว เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย จากการที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอด หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ เช่น โรคหนองใน 

ลักษณะตกขาวที่ผิดปกติ เช่น ตกขาวเป็นสีเขียว บางครั้งก็อาจจะมีสีเหลืองปนเขียว มีกลิ่นเหม็นคาวปลา บางรายอาจจะมีอาการคัน และปวดแสบขณะปัสสาวะร่วมด้วย

ในกรณีที่พบหรือสงสัยว่าตกขาวผิดปกติ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจรับการรักษาต่อไป ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะมีสาเหตุได้หลากหลาย รวมทั้งมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่แพทย์ต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนควบคู่กันไป การซื้อยากินเองอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยา นอกจากนี้ สาเหตุตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย การพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยการวินิจฉัยโรคได้แต่เนิ่นๆ ซึ่งจะให้ผลการรักษาที่ดีกว่าพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว

  1. น้องชายไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหลังจากช่วยตัวเองมาเป็นเวลานาน แก้ไขได้อย่างไร

คำตอบ อาการแข็งตัวช้าหรือแข็งตัวไม่เต็มที่เกิดได้จากหลายปัจจัย

  • สาเหตุทางกาย เช่น มีโรคประจำตัวเช่นการเจ็บป่วยเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคความดัน เคยมีเส้นเลือดตีบหรือแตกในสมอง ระบบประสาทบริเวณอุ้งเชิงกรานได้รับความเสียหาย การใช้ยาบางชนิด ทำให้ระบบประสาทที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศเสียไป จึงทำให้ไม่มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศหรือแข็งได้ไม่นาน
  • สาเหตุทางจิตใจ เช่น มีความเครียด ความกังวลทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ หรือ มีความตื่นเต้นจนเกินไป
  • สาเหตุทางพฤติกรรม เช่น เวลาที่ช่วยตัวเองปล่อยให้ตัวเองเสร็จเร็ว หรือ ชักไม่สุด จนชิน

การดูแลตัวเองเบื้องต้น

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เนื่องจากการสูบฉีดเลือดขณะการช่วยตัวเองและการมีเพศสัมพันธ์ต่างกัน เลยอาจทำให้เลือดไม่สามารถไปสูบฉีดส่วนปลายได้ไม่เต็มที่ และมีความกังวลต่างกัน เลยอาจส่งผลให้การแข็งตัวไม่เต็มที่

หากพบว่าเป็นนานกว่า 2-3 สัปดาห์ จนเกิดความกังวลหรือไม่แน่ใจ ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา โดยแพทย์จะทำการซักประวัติเบื้องต้น  จากนั้นจึงตรวจร่างกายเพิ่มเติม

แต่หากเป็นที่จิตใจ หรือ พฤติกรรม สามารถพบนักเพศวิทยาคลินิกได้ เพื่อหาสาเหตุและหาทางแก้ไขร่วมกัน

  1. ไม่เสร็จขณะมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่ช่วยตัวเองแล้วเสร็จปกติ ปกติมั้ยคะ

คำตอบ มีเพศสัมพันธ์แล้วไม่เสร็จหรือเสร็จได้ยาก เกิดได้จากหลายปัจจัย

  • ร่างกาย : ฮอร์โมนเปลี่ยนเมื่ออายุมากขึ้น ผลกระทบจากบางโรค เช่น เบาหวาน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาความดันโลหิตสูง ยาต้านเศร้า การดื่มแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่มากเกินไป
  • จิตใจ : ความเบื่อหน่าย ขาดความมั่นใจในตัวเอง ความเครียด ความเศร้า ความรู้สึกผิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์

โดยการ “ไม่เสร็จขณะสอดใส่” สามารถเกิดขึ้นได้ ลองสังเกตุความชอบของตนเองเมื่อมีการช่วยตัวเองและนำมาปรับใช้กับการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมหรือจินตนาการระหว่างช่วยตนเอง หากความชื่นชอบในการกระตุ้นอยู่ที่คลิตอริส การสอดใส่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต้องมีการกระตุ้นภายนอกร่วมด้วย ลองเปลี่ยนท่าทางเพื่อให้สามารถกระตุ้นคลิตอริสได้ง่ายมากขึ้น ร่วมกันสำรวจกับคนรักว่าตัวเราชื่นชอบท่าทางแบบใด หรือลองทำท่าทางที่ตนเองเป็นคนบังคับ การสำรวจร่างกายผ่านการใช้ Sex Toy ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เราได้เรียนรู้ร่างกายของตนเองได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตามยิ่งมีความกังวลระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็อาจเสร็จได้ยากมากขึ้น ควรมีการพูดคุยสื่อสารกับคนรักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และบอกความชื่นชอบของตนเอง รวมทั้งศึกษาร่างกายของตนเองเพิ่มเติม และแนะนำให้พบแพทย์หรือนักเพศวิทยาเพื่อหาสาเหตุรวมไปถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา

  1. Oral Sex (การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก) ทำให้ติดโรคหนองในได้หรือไม่

คำตอบ การติดเชื้อหนองใน สามารถติดผ่านการสอดใส่ ไม่ว่าจะทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก ซึ่งการทำ Oral Sex หากผู้ทำ Oral Sex มีเชื้อหนองใน แต่ผู้รับ Oral Sex ไม่มีเชื้อ มักจะไม่ติดค่ะ แต่หากผู้รับ Oral Sex มีเชื้อ ผู้ทำ Oral Sex มีโอกาสติดได้ค่ะ ดังนั้น แนะนำว่า การทำ Oral Sex ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย เช่นเดียวกับการมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ค่ะ

Talk to PEACH Promo

เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องใหญ่ ปรึกษา Talk to PEACH เพื่อให้สุขภาพเพศของคุณดียิ่งขึ้น!

พูดคุยกับ Talk to PEACH ได้ทุกเมื่อ เพื่อสุขภาพเพศที่ดี หากตอนนี้คุณกำลังทุกข์ใจอยู่กับปัญหาเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นการคุมกำเนิด เพศสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ หรือปัญหาสุขภาพเพศอื่น ๆ เราพร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้คำปรึกษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัย โดยสามารถปรึกษาได้ทุกแง่มุมของเรื่องเพศได้แบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน กับนักเพศวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเพศจาก Talk to PEACH 

สามารถพูดคุยได้ทั้งผ่านวิดีโอคอล และส่งคำถาม-ตอบผ่านแอป Talk to PEACH หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk To PEACH: http://bit.ly/417az7i