03 ตุลาคม 2023
หากมีตุ่มที่องคชาต ไม่ว่าจะเป็นตุ่มธรรมดาแบบไม่เจ็บไม่คัน เป็นจุดแดง จุดขาว ตุ่มคัน เจ็บ แสบ ตุ่มน้ำใส ติ่งเนื้อ หรือตุ่มในลักษณะต่าง ๆ คงสร้างความกังวลใจอยู่ไม่น้อยอีกทั้งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในบทความนี้ Talk To Peach ชวนมาเช็กเบื้องต้นว่าจู๋มีตุ่ม น้องชายมีตุ่ม เป็นอะไร สื่อถึงโรคอะไรได้บ้าง และแนวทางป้องกันและรักษาอาการให้หายเป็นปกติ
จู๋มีตุ่ม น้องชายมีตุ่ม เป็นอะไรนั้นอยู่ที่ลักษณะของอาการของแต่ละคน แน่นอนว่าอาการตุ่มขึ้นองคชาตนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังกลุ้มใจ มาเช็กลักษณะของตุ่มทั้ง 7 แบบกันดีกว่าว่าตุ่มแบบไหนบอกโรคอะไรบ้าง
หากองคชาตเป็นตุ่มแต่ไม่เจ็บและไม่คัน อาจเกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่หากเกิดตามธรรมชาติมักไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย อย่าง ผื่นนูน PPP: Pearly Penile Papules ไม่จัดเป็นโรค แต่เกิดขึ้นเองจากการขยายตัวของหลอดเลือดภายในองคชาตและมีเนื้อเยื่อมาพันรอบ จึงเห็นเป็นตุ่มนูนผิวเรียบเรียงกันเป็นแถว มีสีเนื้อหรือสีชมพูอ่อน ขึ้นบริเวณฐานอวัยวะเพศ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรักษา
อย่างไรก็ตาม หากเป็นตุ่มที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์อาจเป็น หูดข้าวสุก ที่ไม่มีอาการเจ็บหรือคัน แต่เป็นตุ่มนูนสีเหลือง เงาคล้ายไข่มุก ซึ่งตรงกลางจะมีรอยบุ๋ม หากบีบจะแตกออกมาเป็นสีข้าวสุก โดยสามารถหายเองได้ภายใน 2-12 เดือน
ส่วน หูดหงอนไก่ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อสีน้ำตาลหรือชมพู ผิวอาจเรียบหรือขรุขระ สำหรับการป้องกันคือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่หากแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อ จำเป็นต้องรักษาด้วยการรับประทานยา หรือใช้การจี้ไฟฟ้าร่วมด้วย
หากปลายองคชาตมีจุดแดงขึ้น แต่ไม่เจ็บและไม่คัน อาจเป็นจุดแผลขนาดเล็กที่เกิดจากการถลอก ซึ่งสามารถเกิดได้จากการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกิดไป ดังนั้นแนะนำให้งดกิจกรรมบนเตียงชั่วคราว สวมใส่กางเกงในที่ไม่รัดจนเกินไปและระบายอากาศได้ดี และให้ใช้น้ำสะอาดล้างอวัยวะเพศ ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะร่วมด้วย
ตุ่มที่องคชาตลักษณะคล้ายสิว มีสีขาว หากไม่เจ็บไม่คัน อาจเกิดจาก ‘Fordyce Spot’ หรือ ต่อมไขมัน ซึ่งไม่จัดเป็นโรค ตัวตุ่มนูนสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน พบได้ทั้งบริเวณผิวของถุงอัณฑะและองคชาต นอกจากนี้ตุ่มคล้ายสิวบริเวณอวัยวะเพศชายอาจเกิดจาก ‘รูขุมขนอักเสบ’ สามารถสังเกตได้จากลักษณะตุ่มสีแดง มีหนองสีขาวอยู่ภายใน สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าไม่รัดแน่น ไม่ใช้เสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น ซึ่งอาการนี้สามารถหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์
หากเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจเป็น หูดข้าวสุก ผื่นนูน PPP หรือ เริม ที่มีลักษณะตุ่มใส หรือตุ่มหนองที่แตกออกแล้วเป็นสะเก็ดแผล เกิดขึ้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งมีอาการแสบ คัน และปวดด้วย ดังนั้น ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จึงควรสวมใส่ถุงยางอนามัย ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากติดโรคแล้วต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ โดยปกติจะดีขึ้นภายใน 2-6 สัปดาห์
อาการตุ่มขึ้นที่องคชาตแล้วมีอาการคัน เจ็บ แสบ ด้วย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เริมที่อวัยวะเพศ ซิฟิลิส ผื่นแพ้สัมผัส และหนองใน หากเป็นผื่นแพ้สัมผัส มีต้นตอมาจากการสัมผัสเคมีที่แพ้ เช่น ถุงยางอนามัย ผงซักฟอก แป้ง และโลชัน สังเกตอาการได้จากผื่นแดงหรือตุ่มน้ำที่คัน ดังนั้นจึงต้องหยุดใช้เคมีภัณฑ์และพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
หากติดต่อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ อาจเป็นโรคซิฟิลิส (Syphilis) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันอย่างถูกวิธี การรับเลือด การสัมผัส การจูบ หรือโรคติดต่อจากแม่สู่ลูก โดยระยะเริ่มแรกจะมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้น เมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลือง จากนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
อีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรมองข้าม คือ หนองใน (Gonorrhea) ที่เกิดจากเชื้อ Neisseria Gonorrhoeae ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันอย่างถูกวิธี ซึ่งอาจมีอาการหนองไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ หรือเจ็บแสบขณะปัสสาวะ
สำหรับตุ่มน้ำใส มักเกิดจากโรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) ซึ่งอาจรู้สึกแสบร้อน คัน เจ็บขณะปัสสาวะ เป็นแผลพุพองและเลือดออกร่วมด้วย สามารถป้องกันโรคเริมได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือหลีกเลี่ยงการร่วมรักหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเสี่ยง รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการใช้เซ็กซ์ทอยร่วมกับผู้อื่นด้วย
หากเป็นโรคเริมแล้วควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้เร็วที่สุด โดยทั่วไปจะใช้ยาต้านไวรัสและยาทาแก้ปวดในบางกรณี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง
หากมีติ่งเนื้อขึ้นที่องคชาต สามารถสันนิษฐานหนึ่งในต้นตอได้ว่าเป็น ‘หูดหงอนไก่’ (Genital Warts) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อรับเชื้อ HPV จะทำให้เกิดหูดหรือติ่งเนื้อ รูปร่างคล้ายหงอนไก่ขึ้น พร้อมกับอาการแสบร้อน คัน ทั้งนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีด HPV Vaccine ส่วนวิธีการรักษาก็มีหลากหลายตั้งแต่การทายา ผ่าตัดชิ้นเนื้อ จี้ร้อน-เย็น และการรักษาด้วยเลเซอร์
สำหรับตุ่มเล็กมีน้ำเหลืองเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ อาจเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง ซิฟิลิส เริมที่อวัยวะเพศ หรือการแพ้สัมผัสที่มีอาการคันร่วมด้วย อย่างไรก็ตามหากอาการรุนแรงขึ้น มีอาการปวด บวม มีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมทันที และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
จากอาการทั้ง 7 ลักษณะของตุ่มที่อวัยวะเพศชาย ถือเป็นความผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นการใส่ใจในสุขภาพเพศและดูแลความสะอาดอยู่เสมอ จะสามารถช่วยป้องกันอาการดังกล่าวได้ นอกจากนี้หากคุณพบว่าตัวเองกำลังมีตุ่มที่น้องชายสามารถปรึกษาเรื่องทางเพศ รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับเพศได้อย่างสบายใจในทุก ๆ แง่มุม ไม่ต้องเปิดเผยชื่อ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน สามารถรับคำปรึกษาได้ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Talk to PEACH: https://oci.ltd/Ak5jkQ0
อ้างอิง
ปัญหาเพศชาย
สุขภาพเพศทางกาย